
ขาไม่มีแรง เดินแล้วล้มเกิดจากอะไร มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง

อาการขาไม่มีแรง เดินแล้วล้มเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างปกติ เสี่ยงต่อการหกล้มและเกิดการบาดเจ็บ ในบางรายอาจต้องใช้ไม้พยุงเดิน หรือให้ผู้อื่นช่วยพยุงเพื่อที่จะได้ทำกิจวัตรประจำวันได้ ซึ่งปัญหาหาเหล่านี้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความมั่นใจในการใช้ชีวิต บทความนี้ Senera Senior Wellness จะชวนทุกคนไปทำความเข้าใจปัญหาขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุเกิดจากอะไร มีวิธีการดูแลรักษอย่างไรบ้าง
อาการขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุเกิดจากสาเหตุใดบ้าง
ขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุมีความรุนแรงและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน การเข้าใจว่าขาไม่มีแรง เดินแล้วล้มในผู้สูงอายุเกิดจากปัจจัยใด จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันว่ามีสาเหตุอะไรบ้าง
โรคหลอดเลือดสมอง
ขาไม่มีแรง เดินแล้วล้มอาจเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ หรือมีเลือดออกในสมอง ทำให้สมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของขาเกิดความเสียหาย ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนแรงเฉียบพลัน ส่วนใหญ่แล้วมักมีอาการเพียงข้างใดข้างหนึ่ง รวมถึงมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น พูดไม่ชัด หน้าเบี้ยว หากได้รับการรักษาที่ช้าอาจทำให้พิการได้ ดังนั้นจึงควรมีวิธีดูแลผู้ป่วยเส้นเลือดสมองตีบที่เหมาะสม เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้สูงอายุ
ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย

ขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน การลดลงของมวลกล้ามเนื้อ (Sarcopenia) เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุขาไม่มีแรง เดินแล้วล้ม ซึ่งมวลกล้ามเนื้อจะเริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงอายุ 30-40 ปี และจะลดลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากอายุ 50 ปี เป็นต้นไป กล้ามเนื้อจะค่อย ๆ สูญเสียไปเฉลี่ยปีละ 1-2% ส่งผลให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาและการทรงตัวลดลง ทำให้ผู้สูงอายุเดินไม่มั่นคง และมีความเสี่ยงที่จะล้มได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น การขาดการออกกำลังกาย การเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือการรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอ ก็จะยิ่งทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลงได้เร็วขึ้น
ระบบเส้นประสาทผิดปกติ
การที่ขาไม่มีแรง เดินแล้วล้มอาจเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อขา ทั้งจากความผิดปกติของสมอง ไขสันหลัง หรือเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้การส่งสัญญาณควบคุมการเคลื่อนไหวผิดปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง การทรงตัวไม่ดี และเสี่ยงต่อการหกล้ม
การรักษาอาการขาไม่มีแรงเดินแล้วล้ม
การรักษาอาการขาไม่มีแรง เดินแล้วล้มต้องเริ่มจากการวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะแต่ละสาเหตุต้องการการรักษาที่แตกต่างกัน หากเกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง ต้องรีบรักษาทันที ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อ หากเกิดจากภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย ต้องเน้นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนให้เพียงพอ
ขาไม่มีแรงเดินแล้วล้มอันตรายไหม

อาการขาไม่มีแรง เดินแล้วล้มถือเป็นภาวะที่อันตราย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เพราะการหกล้มอาจนำไปสู่การบาดเจ็บรุนแรง เช่น กระดูกหัก สมองบาดเจ็บ หรือมีเลือดออกในสมอง นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการนอนติดเตียง เช่น แผลกดทับ ปอดอักเสบ อาการเท้าบวม และการติดเชื้อต่าง ๆ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมาก
อาการแบบไหนควรไปพบแพทย์
- มีอาการแขนขาอ่อนแรงเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
- มีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก
- พูดไม่ชัด หน้าเบี้ยว
- มีอาการชาร่วมด้วย
- ปวดศีรษะรุนแรงผิดปกติ
FAQ

ขาไม่มีแรงทำไงดี
เมื่อมีอาการขาไม่มีแรง เดินแล้วล้ม ควรพักการใช้งานขาและประเมินอาการ หากอาการไม่รุนแรง อาจเกิดจากการใช้งานมากเกินไป แต่หากมีอาการรุนแรงหรือเกิดขึ้นเฉียบพลัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
แขนขวาไม่มีแรง ข้างเดียว
อาการอ่อนแรงข้างเดียวเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจบ่งชี้ถึงโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นเฉียบพลัน ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะการรักษาที่รวดเร็วจะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
ทำไมรู้สึกขาอ่อนแรง
ขาอ่อนแรงเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การใช้งานมากเกินไป การขาดสารอาหาร ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย ไปจนถึงโรคทางระบบประสาทและหลอดเลือด การวินิจฉัยที่ถูกต้องจะช่วยให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
คนแก่ขาไม่มีแรงเดินเกิดจากอะไร
ขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การเสื่อมของกล้ามเนื้อตามวัย การขาดการออกกำลังกาย โรคข้อเข่าเสื่อม หรือโรคทางระบบประสาท การตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยชะลอการเสื่อมและฟื้นฟูความแข็งแรงได้
สรุป
อาการขาไม่มีแรง เดินแล้วล้มเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ อาการขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การเสื่อมตามวัย ไปจนถึงโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ดังนั้นควรหมั่นสังเกตอาการและรีบพบแพทย์เมื่อมีสัญญาณอันตราย รวมถึงการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่พบอาการปวดขาหรือขาอ่อนแรง สามารถแก้อาการปวดขาได้โดยการทำกายภาพบำบัด ซึ่งคลินิกกายภาพบำบัดมีความเชี่ยวชาญจะออกแบบโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล สำหรับใครที่กำลังมองหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุSenera Senior Wellness เป็นสถานที่ที่ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุ ด้วยการใช้เทคโนโลยีและการดูแลแบบองค์รวม ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถกลับมามีชีวิตที่มีความสุขและพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น หากใครที่สนใจสามารถปรึกษาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ไลน์ @senera หรือโทร. 098-935-6694
