สำหรับใครที่มีอาการชาปลายนิ้วมือ (Finger Numbness) อาจกวนใจให้ใครหลายคน ทำให้เราไม่สามารถหยิบจับ หรือทำอะไรได้ไม่สะดวก ยิ่งเกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่ ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายให้ดูแลสุขภาพมากขึ้นเท่านั้น สำหรับใครที่อยากรู้ว่า ชาปลายนิ้วมือ ขาดวิตามินอะไร? มีสาเหตุมาจากปัจจัยใดบ้าง เราจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับอาการนี้กัน พร้อมแนะนำวิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วมือที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถป้องกันและรักษาอาการชาปลายนิ้วมือ ช่วยให้ร่างกายกลับมาสุขภาพที่แข็งแรงและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่เช่นเคย
อาการชาปลายนิ้วมือเกิดจากอะไร
“ชาปลายนิ้วมือ” เป็นอาการที่หลายคนเคยพบเจอ โดยเฉพาะวัยทำงาน เพราะต้องนั่งท่าเดิมนาน ๆ จนทำให้เกิดอาการชาได้ง่าย สาเหตุของอาการชาปลายนิ้วมือเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการกดทับเส้นประสาท ปัญหาหลอดเลือด โรคประสาทส่วนปลาย การขาดวิตามิน อาการบาดเจ็บและ
โรคต่าง ๆ
ร่างกายขาดวิตามิน
รวมถึงการขาดวิตามินบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามิน B1 วิตามิน B6 และวิตามิน B12 เนื่องจากวิตามินเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท หากร่างกายได้รับไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อการเกิดอาการชาที่ร่างกายได้
อาการชาที่เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ (compressive neuropathy)
อาการชาที่เกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับ (compressive neuropathy) มักพบได้บ่อยในกลุ่มมนุษย์เงินเดือนหรือผู้สูงอายุที่มักจะอยู่ท่าเดิม ๆ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย จึงทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมนิ้วมือถูกกดทับหรืออุดตันอยู่ตรงข้อมือ จนเกิดพังผืดขึ้น จนไปกดทับถูกเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดและชาตามนิ้วมือในที่สุด
อาการชาปลายนิ้วมือระยะต่าง ๆ
สำหรับระยะของอาการชาปลายนิ้ว แบ่งเป็นทั้งหมด 3 ระยะ อันได้แก่
ระยะแรก คือมีอาการชาเล็กน้อย หรือมีอาการชาตามนิ้วมือและเท้าเป็นช่วง ๆ
ระยะกลาง เป็นช่วงที่มีอาการชาปลายนิ้วบ่อยขึ้น รวมถึงมีอาการอื่นร่วมด้วย อย่างนิ้วชาเหมือนไฟช็อต
ระยะสุดท้าย เป็นอาการที่น่าเป็นห่วงสุด เพราะจะมีอาการชาปลายนิ้ว ตลอดวัน ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
อาการชาปลายนิ้วมือที่ควรระวัง
หากคุณมีอาการชาปลายนิ้วมือที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือบ่อยครั้ง โดยไม่สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจนได้ หรือมีอาการชาปลายนิ้วมือเกิดขึ้นพร้อมกับอาการอื่น ๆ อย่างอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ปวดแสบปวดร้อน หรือเกิดอาการชาที่ขา อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของร่างกายของโรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในประจำวัน จนทำให้คุณเสียสมาธิในการทำงาน หรือเกิดอุบัติเหตุแบบไม่คาดฝันได้
ปัญหาชาปลายนิ้วมือเสี่ยงโรคอะไรบ้าง
แม้ว่าอาการชาปลายนิ้วมือ จะเป็นอาการที่พบได้บ่อย แต่ก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ในบางกรณี โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่อายุเพิ่มขึ้น หรือมีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง เราจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ จนปล่อยให้เกิดโรคร้ายในอนาคต เนื่องจากปัญหาชาปลายนิ้วมือ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงหลายโรค ดังนี้
โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy)
โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) เป็นภาวะที่เส้นประสาทส่วนปลายได้รับความเสียหาย เนื่องจากเส้นประสาทจะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างสมองกับอวัยวะภายในร่างกาย หากเส้นประสาททำงานผิดปกติไปจากเดิม ก็จะส่งผลให้ระบบภายในร่างกายทำงานผิดปกติตามไปด้วย จึงเป็นสาเหตุของอาการชาปลายนิ้ว ส่งผลให้เราไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรคเรย์นอด (Raynaud’s Disease)
โรคเรย์นอด (Raynaud’s Disease) ถือเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดในส่วนปลายของร่างกาย เกิดจากหลอดเลือดแดงเล็กบริเวณนิ้วมือหดตัวอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงบริเวณนิ้วมือได้ เรียกได้ว่าส่งผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือดภายในร่างกาย หรือทำให้ผิวหนังเปลี่ยนสี
โรคเอ็นอักเสบที่ข้อมือ (De quervain’s Tenosynovitis)
โรคเอ็นอักเสบที่ข้อมือ หรือ De Quervain’s Tenosynovitis เป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเอ็นที่อยู่บริเวณข้อมือ โดยเฉพาะเอ็นที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดและไม่สบายในบริเวณข้อมือและนิ้วมือ หากใครมีอาการนี้ ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อหาแนวทางในการรักษาต่อไป
โรคเบาหวาน (Diabetes)
หนึ่งในโรคแทรกซ้อนสุดฮิต คือเบาหวาน (Diabetes) เกิดจากการมีระดับน้ำตาลในเลือด จนร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการชาปลายนิ้วมือ ซึ่งถ้าใครรู้สึกชาบริเวณนิ้วมือบ่อย ๆ นี่อาจเป็นสาเหตุที่บ่งชี้ว่าคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพ หรือมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้ อย่ามองข้ามเด็ดขาด
โรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ
มาต่อกับโรคสุดท้าย นั่นคือ โรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) เป็นภาวะที่เกิดจากการกดทับเส้นประสาทกลาง (Median Nerve) ที่ผ่านเข้าไปในอุโมงค์ข้อมือ จึงทำให้ผู้ที่เป็นโรคพังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ มักเกิดอาการปวด ชา หรืออ่อนแรงในมือและนิ้วมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และครึ่งหนึ่งของนิ้วนาง
วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วมือ
วิธีรักษาอาการชาปลายนิ้วมือ ขึ้นอยู่กับระยะของอาการชาตามปลายนิ้วมือ หากเราเป็นระยะต้นหรือระยะกลาง สามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง โดยการหมั่นออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกายอยู่บ่อย ๆ รวมถึงรับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามิน B1 วิตามิน B6 และ วิตามิน B12 แต่ถ้าเป็นถี่ขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง ที่สำคัญอย่ารับประทานยาด้วยตัวเองโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่งเด็ดขาด เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
สรุป
เราจะเห็นได้ว่าอาการชาตามปลายนิ้วมือ เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย แต่สำหรับผู้สูงอายุท่านไหนที่มีอาการหนักจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือมีอาการชาบริเวณอื่น ๆ ร่วมด้วย ลองปรึกษา Senior Wellness ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกรุงเทพ ที่ตอบโจทย์ด้านการรักษาปัญหาด้านกระดูกและข้อ ลดอาการปวดอย่างครบวงจร ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมบริการอื่น ๆ ที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุรายวันแบบครบวงจร
Comments